ไฟล์ หมาย ถึง: ความสำคัญและวิธีใช้ในปัจจุบัน

นิยามของไฟล์

ไฟล์หรือแฟ้มในทางคอมพิวเตอร์หมายถึงกลุ่มระเบียนสารสนเทศหรือทรัพยากรที่ใช้เก็บบันทึกสารสนเทศ ซึ่งสามารถใช้งานได้กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และมักจะอยู่บนหน่วยเก็บบันทึกถาวรบางชนิด [1]. ไฟล์คอมพิวเตอร์ถือได้ว่าเป็นของทันสมัยคู่กับเอกสารกระดาษ ซึ่งแต่เดิมจะถูกเก็บไว้ในตู้แฟ้มเอกสารของสำนักงานและห้องสมุด จึงเป็นที่มาของคำนี้ [1].

คำว่า ไฟล์ ปรากฏเป็นครั้งแรกในบริบทของหน่วยเก็บบันทึกของคอมพิวเตอร์เมื่อ พ.ศ. 2495 โดยอ้างถึงสารสนเทศที่เก็บบันทึกบนบัตรเจาะรู [1]. การใช้งานในยุคแรก ๆ ผู้คนถือว่าไฟล์คือฮาร์ดแวร์ที่เป็นรากฐาน ตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็ม 350 ดิสก์ไดรฟ์ถูกเรียกว่า ดิสก์ไฟล์ [2]. ระบบต่าง ๆ อาทิระบบแบ่งกันใช้เวลาที่เข้ากันได้ (Compatible Time-Sharing System: CTSS) เมื่อ พ.ศ. 2505 แนวคิดเรื่องระบบไฟล์เด่นชัดขึ้น โดยปรากฏเป็น ไฟล์ หลายไฟล์บนอุปกรณ์เก็บบันทึกเครื่องหนึ่ง นำไปสู่การใช้งานไฟล์ในสมัยใหม่ ชื่อไฟล์ในระบบแบ่งกันใช้เวลาที่เข้ากันได้มีสองส่วนได้แก่ ชื่อหลัก ที่ผู้ใช้สามารถอ่านได้และ ชื่อรอง ที่แสดงถึงชนิดของไฟล์ .

ไฟล์อาจเรียกได้หลายชื่อเช่น แฟ้มข้อมูล, แฟ้มอิเล็กทรอนิกส์, แฟ้มคอมพิวเตอร์, แฟ้มดิจิทัล, ไฟล์ข้อมูล, ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์, ไฟล์คอมนิยามของไฟล์

ไฟล์หรือแฟ้มในทางคอมพิวเตอร์หมายถึงกลุ่มระเบียนสารสนเทศหรือทรัพยากรที่ใช้เก็บบันทึกสารสนเทศ ซึ่งสามารถใช้งานได้กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และโดยปกติจะอยู่บนหน่วยเก็บบันทึกถาวรบางชนิด [1]. ไฟล์คอมพิวเตอร์ถือได้ว่าเป็นของทันสมัยคู่กับเอกสารกระดาษ ซึ่งแต่เดิมจะถูกเก็บไว้ในตู้แฟ้มเอกสารของสำนักงานและห้องสมุด จึงเป็นที่มาของคำนี้ [1].

คำว่า ไฟล์ ปรากฏเป็นครั้งแรกในบริบทของหน่วยเก็บบันทึกของคอมพิวเตอร์เมื่อ พ.ศ. 2495 โดยอ้างถึงสารสนเทศที่เก็บบันทึกบนบัตรเจาะรู [1]. การใช้งานในยุกแรก ๆ ผู้คนถือว่าไฟล์คือฮาร์ดแวร์ที่เป็นรากฐาน (มากกว่าจะหมายถึงเนื้อหา) ตัวอย่างเช่นคอมพิวเตอร์ไอบีเอ็ม 350 ดิสก์ไดรฟ์ถูกเรียกว่า ดิสก์ไฟล์ [2]. ระบบต่าง ๆ อาทิระบบแบ่งกันใช้เวลาที่เข้ากันได้ (Compatible Time-Sharing System: CTSS) เมื่อ พ.ศ. 2505 แนวคิดเรื่องระบบไฟล์เด่นชัดขึ้น โดยปรากฏเป็น ไฟล์ หลายไฟล์บนอุปกรณ์เก็บบันทึกเครื่องหนึ่ง นำไปสู่การใช้งานไฟล์ในสมัยใหม่ ชื่อไฟล์ในระบบแบ่งกันใช้เวลาที่เข้ากันได้มีสองส่วนได้แก่ ชื่อหลัก ที่ผู้ใช้สามารถอ่านได้และ ชื่อรอง ที่แสดงถึงชนิดของไฟล์ . หลักการนี้ยังคงใช้อยู่ในระบบปฏิบัติการหลายรุ่นในทุกวันนี้ซึ่งรวมทั้งไมโครซอฟท์ วินโดวส์ [1].

ระบบปฏิบ

Learn more:

1. ไฟล์คอมพิวเตอร์ – วิกิพีเดีย
2. :: ระบบส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง e-Learning มหาวิทยาลัยทักษิณ ::
3. file คืออะไร แปลว่าอะไร ตัวอย่างประโยค จากพจนานุกรมคำศัพท์คอมพิวเตอร์

ประเภทของไฟล์

ไฟล์เป็นสิ่งที่เราใช้ในการเก็บข้อมูลและแบ่งปันข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีหลายประเภทตามลักษณะและการใช้งานของไฟล์นั้นๆ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประเภทของไฟล์ที่พบเห็นบ่อยๆ และคุณสมบัติของแต่ละประเภท

1. ไฟล์รูปภาพ

   • ไฟล์รูปภาพเป็นไฟล์ที่ใช้ในการเก็บภาพถ่ายหรือภาพวาด
   • รูปภาพสามารถเก็บข้อมูลในรูปแบบต่างๆ เช่น JPEG, PNG, GIF [1]
   • ไฟล์รูปภาพมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เช่น JPEG เหมาะสำหรับภาพถ่ายทั่วไป และ PNG เหมาะสำหรับภาพที่ต้องการความคมชัดสูงและพื้นหลังโปร่งใส [3]

2. ไฟล์เอกสาร

   • ไฟล์เอกสารใช้ในการเก็บข้อมูลที่เป็นข้อความ ตาราง หรือรูปแบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเขียนและการสื่อสาร
   • รูปแบบไฟล์เอกสารที่พบบ่อย ได้แก่ PDF, DOC, DOCX, XLS, XLSX [3]
   • ไฟล์เอกสารมีคุณสมบัติที่ช่วยในการแบ่งปันข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลอย่างง่ายดาย [3]

3. ไฟล์บีบอัด

   • ไฟล์บีบอัดเป็นไฟล์ที่ใช้ในการลดขนาดของไฟล์ต้นฉบับ เพื่อประหยัดพื้นที่เก็บข้อมูล
   • รูปแบบไฟล์บีบอัดที่พบบ่อย ได้แก่ ZIP, RAR, 7Z [1]
   • ไฟล์บีบอัดมีคุณสมบัติที่ช่วยในการส่งและแบ่งปันไฟล์ที่มีขนาดใหญ่โดยลดขนาดไฟล์ลง [1]

4. ไฟล์วิดีโอและเพลง

   • ไฟล์วิดีโอใช้ในการเก็บข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหว และไฟล์เพลงใช้ในการเก็บข้อมูลที่เป็นเสียง
   • รูปแบบไประเภทของไฟล์

ไฟล์เป็นสิ่งที่เราใช้ในการเก็บข้อมูลและแบ่งปันข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีประเภทหลายประเภทที่นิยมใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับประเภทของไฟล์ที่พบเห็นบ่อยๆ และคุณสมบัติของแต่ละประเภท

1. ไฟล์รูปภาพ:

   • ไฟล์ JPEG (Joint Photographic Expert Group): เป็นไฟล์ภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกล้องดิจิตอลและเว็บไซต์ มีขนาดเล็กและคมชัด สามารถเปิดดูได้ทุกเครื่องในปัจจุบัน [3].
   • ไฟล์ PNG (Portable Network Graphics): เป็นไฟล์รูปภาพที่มีขนาดใหญ่และสามารถใช้งานในระบบออนไลน์ได้ สามารถทำภาพพื้นโปร่งใสหรือเปลี่ยนสีพื้นหลังได้ [3].

2. ไฟล์เอกสาร:

   • ไฟล์ PDF (Portable Document Format): เป็นไฟล์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเอกสาร มีรูปแบบที่สามารถแสดงผลได้อย่างเหมือนต้นฉบับ และสามารถเปิดดูได้บนหลายแพลตฟอร์ม [3].
   • ไฟล์ DOCX (Microsoft Word Document): เป็นไฟล์เอกสารที่ใช้โปรแกรม Microsoft Word เพื่อสร้างและแก้ไขเอกสาร มีรูปแบบที่สามารถแสดงผลได้อย่างเหมือนต้นฉบับ [3].

3. ไฟล์บีบอัด:

   • ไฟล์ ZIP: เป็นไฟล์ที่ใช้ในการบีบอัดข้อมูลเพื่อลดขนาดไฟล์และทำให้ง่ายต่อการแชร์และส่งข้อมูล [1].
   • ไฟล์ RAR: เป็นไฟล์ที่ใช้ในการบีบอัดข้อมูลเช่นเดียวกับไฟล์ ZIP แต่มีอัลกอริทึมบีบอัดที่มีประสิทธิภาพมากกว่า [1].

4. ไฟล์วิดีโอและเพลง:

   • ไฟล์ MP4: เป็นไฟล์วิดีโอที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเก็บและแสดงผลวิด

Learn more:

1. นามสกุลไฟล์ที่นิยม และพบเห็นกันได้บ่อย ๆ มีอะไรบ้าง? – SbuyScan
2. 4 ประเภทของไฟล์
3. มารู้จักชนิดของ ไฟล์ต่างๆและวิธีการใช้งานกันดีกว่า

การใช้งานไฟล์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดเก็บและใช้งานข้อมูลในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่น ๆ การใช้งานไฟล์ที่ถูกต้องและมีระเบียบเรียบร้อยจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นี่คือขั้นตอนและวิธีการใช้งานไฟล์ที่คุณสามารถนำไปปฏิบัติตามได้:

1. การค้นหาไฟล์:

   • เพื่อค้นหาไฟล์ที่ต้องการใช้งาน คุณสามารถใช้กล่องค้นหาในอุปกรณ์ของคุณ โดยใส่คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับไฟล์ เช่น ภาพ, วิดีโอ, หรือ เอกสาร [1].
   • คุณยังสามารถค้นหาไฟล์โดยใช้คำสั่ง ไฟล์: ตามด้วยคำค้นหา เช่น ไฟล์: ภาพทะเล [1].

2. การเปิดและแก้ไขไฟล์:

   • เมื่อค้นหาไฟล์ที่ต้องการ เลือกไฟล์นั้นเพื่อเปิดดูรายละเอียด คุณสามารถเปิดไฟล์ด้วยแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง เช่น แอปพลิเคชันเพลงสำหรับไฟล์เสียง แอปพลิเคชันรูปภาพสำหรับไฟล์ภาพ หรือแอปพลิเคชันเอกสารสำหรับไฟล์เอกสาร [2].
   • หากต้องการแก้ไขไฟล์ เช่น เพิ่มข้อมูลหรือแก้ไขเนื้อหา คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับไฟล์นั้น ๆ เพื่อดำเนินการแก้ไข [2].

3. การจัดเก็บและสำรองไฟล์:

   • เพื่อป้องกันการสูญหายของไฟล์ที่สำคัญ คุณควรสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้วิธีการสำรองข้อมูลที่เหมาะสม เช่น การใช้บริการบนคลาวด์ เช่น Google Drive, Dropbox, หรือ OneDrive [2].
   • คุณยังสามารถใช้แอปพลิเคการใช้งานไฟล์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดเก็บและใช้งานข้อมูลในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต การใช้งานไฟล์ที่ถูกต้องและมีระเบียบเรียบร้อยจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นี่คือขั้นตอนและวิธีการใช้งานไฟล์ที่คุณสามารถนำไปปฏิบัติตามได้:

4. การค้นหาไฟล์:

   • ใช้กล่องค้นหาในอุปกรณ์ของคุณและป้อนคำค้น ไฟล์ เพื่อค้นหาไฟล์ที่คุณต้องการ [1].
   • คุณสามารถใช้คำค้นเพิ่มเติมเช่น ภาพ, วิดีโอ, หรือ เสียง เพื่อค้นหาไฟล์สื่อที่เกี่ยวข้อง [1].

5. การอัปโหลดไฟล์:

   • เลือกไฟล์ที่คุณต้องการอัปโหลดจากอุปกรณ์ของคุณ [2].
   • เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการอัปโหลดไฟล์ไปยัง โดยมีเซิร์ฟเวอร์อัปโหลดของวิกิพีเดียและวิกิมีเดียคอมมอนส์เป็นตัวเลือก [2].
   • หากไฟล์ของคุณไม่เสรีจากลิขสิทธิ์ของผู้อื่น คุณสามารถอัปโหลดไฟล์ไปยังวิกิมีเดียคอมมอนส์ [2].

6. การจัดเก็บและจัดการไฟล์:

   • เมื่อไฟล์ถูกอัปโหลดเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถจัดเก็บไฟล์ในโฟลเดอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาในอนาคต [2].
   • คุณยังสามารถจัดการไฟล์โดยการสร้างโฟลเดอร์ย่อย หรือเปลี่ยนชื่อไฟล์เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น [2].
   • หากคุณต้องการแชร์ไฟล์กับผู้อื่น คุณสามารถใช้ฟังก์ชันแชร์ไฟล์ในแอปพลิเคชันเพื่อส่งไฟล์ให้กับผู้อื่

Learn more:

1. วิธีใช้:ไฟล์ – วิกิพีเดีย
2. วิธีใช้ Files by Google – Files by Google ความช่วยเหลือ
3. ไฟล์คอมพิวเตอร์ – วิกิพีเดีย

การสร้างและแก้ไขไฟล์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำงานทั้งในสถานที่ทำงานและในชีวิตประจำวันของเรา การทำงานกับไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นและแก้ไขได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพจะช่วยให้เราสามารถจัดการข้อมูลและเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการสร้างและแก้ไขไฟล์ในรูปแบบต่างๆ พร้อมกับแนะนำเคล็ดลับที่จะช่วยให้การทำงานกับไฟล์เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ [1] [3].

วิธีการสร้างไฟล์:

1. เลือกโปรแกรมที่เหมาะสม: ในการสร้างไฟล์คุณต้องเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับประเภทของไฟล์ที่คุณต้องการสร้าง เช่น Microsoft Word สำหรับไฟล์เอกสารข้อความ หรือ Microsoft Excel สำหรับไฟล์ตารางคำนวณ
2. เลือกเทมเพลตหรือสร้างตั้งแต่เริ่มต้น: หากคุณต้องการสร้างไฟล์ที่มีรูปแบบเฉพาะ เช่นเอกสารใบเสนอราคาหรือรายงานการประชุม คุณสามารถเลือกใช้เทมเพลตที่มีอยู่ในโปรแกรมหรือสร้างเทมเพลตของคุณเอง
3. เพิ่มเนื้อหาและรูปแบบ: เพิ่มข้อความ รูปภาพ ตาราง และอื่นๆ เพื่อให้ไฟล์ของคุณมีความสมบูรณ์และน่าสนใจ
4. บันทึกไฟล์: เมื่อคุณเสร็จสร้างไฟล์แล้ว อย่าลืมบันทึกไฟล์เพื่อไม่ให้ข้อมูลหายไปหรือสูญหาย

วิธีการแก้ไขไฟล์:

1. เปิดไฟล์: เริ่มต้นโดยการเปิดไฟล์ที่คุณต้องการแก้ไขในโปรแกรมที่เหมาะสม
2. ทำการแก้ไข: แก้ไขเนื้อหาของไฟล์ตามที่คุณต้องการ สามารถเพิ่ม ลบ หรการสร้างและแก้ไขไฟล์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำงานทั้งในสถานที่ทำงานและในชีวิตประจำวันของเรา การทำงานกับไฟล์ที่ถูกสร้างขึ้นและแก้ไขไฟล์ที่มีอยู่เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เราสามารถแบ่งปันข้อมูล แก้ไขข้อผิดพลาด และปรับปรุงเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการสร้างและแก้ไขไฟล์ในรูปแบบต่างๆ พร้อมกับแนะนำเครื่องมือที่ใช้ในกระบวนการดังกล่าว

วิธีการสร้างและแก้ไขไฟล์ในรูปแบบต่างๆ:

1. การสร้างและแก้ไขไฟล์ในรูปแบบข้อความ:

   • ใช้โปรแกรม Microsoft Word, Google Docs, หรือโปรแกรมประเภทอื่นที่รองรับการสร้างและแก้ไขไฟล์ข้อความ [3].
   • เริ่มต้นโดยเปิดโปรแกรมที่คุณต้องการใช้งานและสร้างไฟล์ใหม่หรือเปิดไฟล์ที่มีอยู่แล้ว [3].
   • เพิ่มหรือแก้ไขข้อความตามที่คุณต้องการ [3].
   • บันทึกไฟล์เมื่อคุณเสร็จสิ้นการแก้ไข [3].

2. การสร้างและแก้ไขไฟล์ในรูปแบบสเปรดชีต:

   • ใช้โปรแกรม Microsoft Excel, Google Sheets, หรือโปรแกรมประเภทอื่นที่รองรับการสร้างและแก้ไขไฟล์สเปรดชีต [3].
   • เริ่มต้นโดยเปิดโปรแกรมที่คุณต้องการใช้งานและสร้างไฟล์ใหม่หรือเปิดไฟล์ที่มีอยู่แล้ว [3].
   • เพิ่มหรือแก้ไขข้อมูลในเซลล์ตามที่คุณต้องการ [3].
   • บันทึกไฟล์เมื่อคุณเสร็จสิ้นการแก้ไข [3].

3. การสร้างและแก้ไขไฟล์ในรูปแบบงานนำเสนอ:

   • ใช้โปรแกรม Microsoft PowerPoint, Google Slides, หรือโปรแกรมประเภทอื่นที่รองรับการสร้างและแก้ไขไฟล์งาน

Learn more:

1. เริ่มต้นใช้งาน Viva Engage – ฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft
2. วิธีแก้ไข PDF | Adobe Acrobat
3. การแก้ไขหรือทำการเปลี่ยนแปลงไฟล์ PDF – ฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft

การแปลงไฟล์ระหว่างประเภท เป็นหนึ่งในปัญหาที่คนทำคอนเทนต์ต้องเผชิญบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อไฟล์ที่ได้มาไม่ตรงกับความต้องการของเรา อาจเป็นไฟล์ PDF ที่ต้องการแก้ไข หรือไฟล์รูปภาพที่ต้องการดาวน์โหลดแต่ได้มาเป็นรูปแบบอื่น เช่น WEBP ซึ่งไม่สามารถวางบนเอกสารได้ [1].

เพื่อช่วยให้คุณแก้ปัญหาดังกล่าว นี่คือรายชื่อเว็บแปลงไฟล์ที่คุณสามารถใช้ได้:

รวมเว็บแปลงไฟล์ PDF:

1. Adobe Acrobat PDF Converter: เป็นเว็บแปลงไฟล์ PDF ที่มีความเชี่ยวชาญจากตระกูล Adobe และมีคุณภาพไฟล์ที่เฉียบคม สามารถแปลงไฟล์ PDF เป็น Word, JPG, Excel, PPT และแปลงไฟล์เหล่านั้นกลับเป็น PDF ได้ [1].

2. I Love PDF: เว็บแปลงไฟล์ PDF ที่มี UI ที่ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันการทำงานครบครัน เช่น แปลงไฟล์ PDF เป็น Word, JPG, Excel, PPT และ PDF/A หรือแปลงไฟล์เหล่านั้นกลับเป็น PDF ได้ [1].

3. cloudconvert: เว็บแปลงไฟล์ PDF ที่รองรับการแปลงไฟล์มากกว่า 200 ฟอร์แมต รวมถึงการแปลงเป็นไฟล์ PSD, HTML, PNG, SVG, GIF, TIFF, WEBP และไฟล์ประเภทอื่น ๆ และสามารถแปลงไฟล์เหล่านั้นกลับเป็น PDF ได้เช่นกัน [1].

รวมเว็บแปลงไฟล์ JPG:

1. ONLINE-CONVERT: เว็บแปลงไฟล์ JPG ที่มีฟอร์แมตหลากหลาย รองรับการแปลงไฟล์ JPG เป็น PNG, GIF, BMP, ICO, WEBP, TIFF, DOCS และอื่น ๆ อีกกว่า 100 ฟอร์แมต และมีความสามารถอื่น ๆ เช่นการปรับขนาดรูปภาพและปรับคุณภาพ [1].

2. Convertio: เว็บแปลงไฟล์ JPG ที่มีความสามารถในการแปลงไฟล์ JPG เป็นรูปแบบอื่น ๆ และมีอินเทอร์เฟซที่ใช้การแปลงไฟล์ระหว่างประเภท เป็นหนึ่งในปัญหาที่คนทำคอนเทนต์ต้องเผชิญบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อไฟล์ที่ได้มาไม่ตรงกับความต้องการของเรา เช่น ต้องการแก้ไขไฟล์เอกสาร แต่ได้มาเป็นไฟล์ PDF หรือต้องการดาวน์โหลดรูปภาพ แต่ได้ไฟล์รูปแบบ WEBP ที่ไม่สามารถวางบนเอกสารได้ [1].

เพื่อช่วยให้คุณแก้ไขปัญหาดังกล่าว นี่คือรายชื่อเว็บแปลงไฟล์ที่คุณสามารถใช้ได้:

รวมเว็บแปลงไฟล์ PDF:

1. Adobe Acrobat PDF Converter: เป็นเว็บแปลงไฟล์ PDF ฉบับดั้งเดิมจาก Adobe ที่มีความง่ายและคุณภาพไฟล์ที่เฉียบคม สามารถแปลงไฟล์ PDF เป็น Word, JPG, Excel, PPT และแปลงไฟล์เหล่านั้นกลับเป็น PDF ได้ [1].

2. I Love PDF: เว็บแปลงไฟล์ PDF ที่มี UI ที่ออกแบบอย่างคำนึงถึง User Friendly และมีฟังก์ชันการทำงานครบครัน เช่น แปลงไฟล์ PDF เป็น Word, JPG, Excel, PPT และ PDF/A หรือแปลงไฟล์เหล่านั้นกลับเป็น PDF ได้ [1].

3. cloudconvert: เว็บแปลงไฟล์ PDF ที่รองรับการแปลงไฟล์มากกว่า 200 ฟอร์แมต รวมถึงการแปลงเป็นไฟล์ PSD, HTML, PNG, SVG, GIF, TIFF, WEBP และไฟล์ประเภทอื่น ๆ ด้วย และยังสามารถแปลงไฟล์เหล่านั้นกลับเป็น PDF ได้ [1].

รวมเว็บแปลงไฟล์ JPG:

1. ONLINE-CONVERT: เว็บแปลงไฟล์ JPG ที่มีฟอร์แมตหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแปลงไฟล์ JPG เป็น PNG, GIF, BMP, ICO, WEBP, TIFF, DOCS และอื่น ๆ อีกกว่า 100 ฟอร์แมต และยังมีความสามารถอื่น ๆ เช่น การ Resize รูปภาพ และปรับ Quality ได้ [1].

2. Convertio: เว็บแปลงไฟล์ JPG ที่มีความสามารถในการแปลงไฟล์ JPG เป็นฟอร์แมตอื่น ๆ แ

Learn more:

1. รวมเว็บแปลงไฟล์ PDF, JPG, WEBP ที่คนทำคอนเทนต์ต้องรู้!
2. การบันทึก xls เป็น xlsx xlsm – ฝ่ายสนับสนุนของ Microsoft
3. ไฟล์ประเภทใดที่สามารถแปลงเป็น PDF ได้ | PDF Extra